สแตนเลส หรือ สแตนเลสสตีล (Stainless Steel) เป็นโลหะผสมระหว่างเหล็กและคาร์บอนที่มีความทนทานต่อการกัดกร่อนสูง
ซึ่งเป็นลักษณะเด่นที่ทำให้ไม่เกิดสนิม โดยในส่วนประกอบของสแตนเลสจะมีโครเมียม (Chromium) เป็นส่วนสำคัญ ทำให้เกิดชั้นฟิล์มบางๆ ที่ช่วยป้องกันการเกิดสนิมและการกัดกร่อน
สแตนเลสมีคุณสมบัติที่หลากหลายตามชนิดและเกรดของมัน เช่น ความทนทานต่อความร้อน ความแข็งแรง
รวมทั้งยังสามารถทนการกัดกร่อนจากสารเคมีและสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน จึงถูกนำมาใช้ในงานที่หลากหลาย เช่น อุปกรณ์ในครัวเรือน การก่อสร้าง อุตสาหกรรมเคมี และเครื่องมือแพทย์
การใช้น้ำยาทดสอบ
น้ำยาหยดทดสอบธาตุแมงกานีส เมื่อหยดลงบนสแตนเลส หากน้ำยาเปลี่ยนเป็นสีแดงหรือสีชมพูอ่อนๆ แสดงว่า ประตูสแตนเลสของคุณไม่ได้ใช้สแตนเลสเกรด 304 อาจจะเป็นสแตนเลสเกรด 200 ที่ไม่ได้มาตรฐาน ไม่ควรนำมาใช้ในการผลิตประตูสแตนเลสแบบต่างๆ
ใช้แม่เหล็กในการทดสอบ
ประตูสแตนเลสที่ทำจากเกรด 304 แม่เหล็กจะดูดติดแบบอ่อนๆ แต่ถ้าเป็นสแตนเลสเกรด 400 แม่เหล็กจะดูดติดเลย ซึ่งไม่ใช่ว่าไม่ดีนะครับ เกรดนี้ดีมาก ใช้นิยมทำเครื่องมือแพทย์ เช่น มีดหมอ มีดผ่าตัด
ด้วยวิธีด้านบน คุณสามารถตรวจสอบได้ว่าประตูสแตนเลสของคุณเป็นเกรด 304 หรือไม่
ค่าการนำความร้อนของสแตนเลสเป็นคุณสมบัติที่สำคัญที่ต้องพิจารณาเมื่อใช้งานในสภาวะที่มีอุณหภูมิสูง โดยทั่วไปแล้ว สแตนเลสทุกชนิดจะมีค่าการนำความร้อนต่ำกว่าเหล็กคาร์บอนอย่างมาก
เกรดที่มีส่วนผสมโครเมียมอย่างเดียว โดยจะมีค่าการนำความร้อนประมาณ 1/3 ของเหล็กคาร์บอน ในขณะที่เกรดออสเทนนิติกจะมีค่าการนำความร้อนประมาณ 1/4 ของเหล็กคาร์บอน
ค่าการนำความร้อนที่ต่ำนี้มีผลต่อการใช้งานในสภาวะที่อุณหภูมิสูง เช่น การเชื่อม ซึ่งต้องมีการควบคุมปริมาณความร้อนที่เข้าสู่วัสดุอย่างระมัดระวัง และเมื่อทำงานขึ้นรูปร้อน วัสดุจะต้องได้รับความร้อนเป็นระยะเวลานานขึ้นเพื่อให้สามารถทำการขึ้นรูปได้อย่างเหมาะสม
มีโครเมียมและนิกเกิลผสมอยู่ในสัดส่วน 18-8 ทำให้ทนต่อการเกิดสนิมและการกัดกร่อนในสภาพอากาศต่างๆ ได้ดีเป็นสแตนเลสชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เนื่องจากมีคุณสมบัติที่ดีหลายประการ ทำให้สแตนเลสชนิดนี้มีความทนทานต่อการกัดกร่อนสูง และสามารถทนต่อการเกิดสนิมได้ดีในสภาพแวดล้อมทั่วไป
เกรด 304 ยังมีคุณสมบัติพิเศษที่แม่เหล็กดูดไม่ติด (Non-magnetic) และสามารถขึ้นรูปและเชื่อมได้ง่าย นิยมใช้ในงานหลายประเภท เช่น การผลิตเครื่องครัว เครื่องใช้ในบ้าน เครื่องใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร อุปกรณ์ทางการแพทย์ รวมถึงใช้ในงานก่อสร้างและงานตกแต่งภายในต่างๆ
สแตนเลสที่มีคุณสมบัติที่เหนือกว่าเกรด 304 ในด้านความทนทานต่อการกัดกร่อน โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่มีความเค็มหรือมีสารเคมีที่เป็นกรดอยู่สูง
ซึ่งทำให้เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีความท้าทายมากขึ้น เช่น ในอุตสาหกรรมทางทะเล โรงงานเคมี และโรงงานผลิตอาหาร
ส่วนประกอบหลักของสแตนเลสเกรด 316 ได้แก่ โครเมียมประมาณ 16-18% นิกเกิลประมาณ 10-14% และโมลิบดินัมประมาณ 2-3% ซึ่งโมลิบดินัมนี้จะช่วยเพิ่มความทนทานต่อการกัดกร่อนที่เกิดจากคลอไรด์ เช่น น้ำทะเล
เกรด 316 ยังมีความสามารถในการทนความร้อนและความเครียดได้ดี ทำให้ถูกนำมาใช้ในงานที่ต้องการความแข็งแรงและความทนทานในสภาพแวดล้อมที่รุนแรง เช่น อุปกรณ์ในโรงงานเคมี ถังเก็บน้ำมัน และเครื่องมือทางการแพทย์บางประเภท
สแตนเลส 430 (SUS 430) เป็นชนิดหนึ่งที่มีส่วนประกอบหลักเป็นโครเมียมประมาณ 16-18% และไม่มีนิกเกิลเป็นส่วนประกอบหลัก ทำให้มีความสามารถในการต้านทานการกัดกร่อนที่ดีในสภาพแวดล้อมทั่วไป โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่ไม่มีสารเคมีที่รุนแรง
คุณสมบัติเด่น คือเป็นสแตนเลสที่มีคุณสมบัติแม่เหล็กดูดติดได้ ซึ่งแตกต่างจากกรดออสเตนิติก (เช่น เกรด 304 และ 316) ที่ไม่มีคุณสมบัติแม่เหล็ก
นอกจากนี้ยังมีความแข็งแรงและทนทานต่อการเกิดสนิมได้ดีพอสมควร แต่ความเหนียวและความสามารถในการขึ้นรูปจะน้อยกว่าเกรด 304
นิยมนำมาใช้ในงานที่ต้องการความแข็งแรงและความคงทน เช่น การผลิตอุปกรณ์ครัว เครื่องใช้ไฟฟ้า และงานตกแต่งภายในบ้าน เช่น เครื่องดูดควัน อ่างล้างจาน ในราคาที่ประหยัดกว่าเกรดอื่นๆ
ห้ามเคลือบหรือใช้น้ำยาทั่วไป สแตนเลสต้องใช้น้ำยาเฉพาะคือ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและเคลือบเงาพื้นผิวสเตนเลส เคลือบป้องกันผิวสเตนเลสจากคราบสกปรกฝังแน่น หากใช้น้ำยาที่ไม่ได้คุณภาพ จะทำให้สแตนเลสมีรอย
หากไม่ได้ทำความสะอาดเป็นประจำ ควรทำความสะอาดทันทีเมื่อเห็นรอยเปื้อน ฝุ่น
ขั้นตอนการทำความสะอาดควร ควรใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่อ่อนที่สุดก่อน เสมอและทดลองทำความสะอาดเป็นบริเวณเล็กๆ และใช้น้ำอุ่นเพื่อช่วยขจัดความมันของน้ำมันหรือจาระบี ขั้นตอนสุดท้ายใช้น้ำสะอาดล้างและเช็ดให้แห้งด้วยผ้าบางเบา